สิว (สิว)

หลายคนสงสัยเกี่ยวกับปัญหา "สิว"

เรื้อรัง และไม่หายขาดไปสักที

อาจเป็นเพราะรักษาและแก้ปัญหาไม่ตรงจุด

  1. สิวอักเสบเรื้อรัง acne vulgaris เป็นสภาวะที่ผิวหนังมีการอักเสบและมีสิวขึ้นบนผิวหนัง สิวอักเสบนี้เกิดจากการอุดตันของแผลที่มีน้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตาย สิวอักเสบเรื้อรังส่วนใหญ่เกิดขึ้น บริเวณใบหน้าและหน้าอกเนื่องจากมีหลายหลายรูขุมขนในบริเวณนี้ที่สามารถเปิดอุดตันได้ง่าย

  2. สิวอุดตันเรื้อรัง Comedonal Acne เป็นประเภทหนึ่งของสิวที่มีสิวขาวหรือสิวดำอุดตันในรูขุมขนของผิวหนัง สิวประเภทนี้มักจะไม่อักเสบ หรือมีการอักเสบเรื้อรังน้อย สิวขาวเป็นสิวที่เนื้อสิวมีสีขาว และอุดตันในรูขุมขน สิวดำเป็นสิวที่เนื้อสิวมีสีดำและอุดตันในรูขุมขนด้วยเซลล์ผิวหนังที่ตายและน้ำมันผิวหนัง

  3. สิวผด Milia เกิดจากการโดนแดดจัด ความร้อน และเหงื่อ โดยเฉพาะหลังเหงื่อออกและปล่อยให้แห้งเองโดยธรรมชาติ สิวผดสามารถพบได้ในผิวทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นผิวแห้ง ผิวปกติ ผิวผสม หรือ ผิวมัน เนื่องจากสิวผด เป็นการอักเสบที่ปลายเปิดของต่อมเหงื่อที่อยู่บนผิวหนัง ไม่เหมือนสิวปกติที่เป็นการอักเสบที่ปลายเปิดของต่อมไขมัน ดังนั้นใครที่หลังเหงื่อออก แล้วไม่ได้ดูแลผิวอย่างถูกวิธี มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นสิวผดทั้งนั้น


วิธีดูแลสิวแต่ละประเภท

1.สิวหัวดำ

ลักษณะและสาเหตุของสิว : เป็นสิวอุดตันแบบหัวเปิด ที่เกิดจากไขมัน แบคทีเรีย และเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วไปสะสมอยู่ในรูขุมขน ทำให้มีลักษณะ

เป็นตุ่มเล็ก ๆ สีดำ

วิธีรักษาสิว : ใช้เซรั่มแต้มสิวที่มีกรดซาลิไซลิกอ่อนๆ

2.สิวหัวหนอง

ลักษณะและสาเหตุของสิว : เป็นสิวที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน มีอาการอักเสบ ทำให้บวมแดง และมีหัวหนองสีเหลือง บางคนอาจมีอาการปวดแสบ หรือระคายเคืองร่วมด้วย

วิธีรักษาสิว : งดสครับหน้า และห้ามกดสิวเพราะจะยิ่งทำให้อักเสบกว่าเดิม ค่อยๆ ล้างหน้าให้สะอาดด้วยคลีนซิ่งสูตรอ่อนโยน ใช้เซรั่มแต้มสิววันละ 2-3 ครั้ง งดการใช้สกินแคร์ต่างๆ จนกว่าสิวจะแห้ง

3.สิวนูนแดง

ลักษณะและสาเหตุของสิว : ตุ่มสีแดงขนาดเล็ก ลักษณะมีก้อนแข็งนูนๆ กดแล้วเจ็บ เป็นสิวหัวปิด หรือสิวอุดตันที่เริ่มอักเสบในระยะแรก

วิธีรักษาสิว : ห้ามกดหรือบีบสิวชนิดนี้เด็ดขาด เพราะจะทำให้อักเสบรุนแรง ยากต่อการรักษา ควรใช้สกินแคร์ทีมีสารสกัดจากเปลือกมังคุด เพื่อต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว และช่วยละลายสิวอุดตัน

4.สิวอักเสบ

ลักษณะและสาเหตุของสิว : เป็นสิวที่เกิดอาการอักเสบบริเวณรูขุมขนและต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดสิวบวมแดง เกิดการเจ็บปวด และระคายเคืองมากๆ

วิธีรักษาสิว : ใช้ยาแต้มสิวหรือเซรั่มที่มีสารสกัดจากว่านหางจระเข้ จะช่วยลดอาการระคายเคืองและลดการอักเสบได้ หากอักเสบรุนแรงควรพบแพทย์เพื่อให้หมอจ่ายยาปฏิชีวนะ

5.สิวหัวช้าง

ลักษณะและสาเหตุของสิว : เป็นสิวอุดตันที่เกิดการอักเสบและติดเชื้อแบคทีเรียในเซลล์ผิวหนัง อาจมีสิวหัวดำอุดตันอยู่ในนั้นเป็นจำนวนมาก จะเป็นตุ่มนูนแล้วค่อยๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

วิธีรักษาสิว : คอยสังเกตุอาการและใช้เซรั่มแต้มสิวที่มีกรดอ่อนๆ ห้ามบีบหรือกดเด็ดขาด หากมีอาการเจ็บปวดและอักเสบ ตุ่นนูนแดงขึ้นเรื่อยๆ ควรพบแพทย์ด้านผิวหนังโดยเฉพาะ

6.สิวอุดตัน

ลักษณะและสาเหตุของสิว : เป็นสิวหัวปิดที่เกิดจากความผิดปกติของรูขุมขน ทำให้เกิดการหนาตัวของผิวชั้นนอก หรือมีการสะสมของขนอ่อนในรูขุมขนนั้น มีอาการบวมเล็กน้อย

วิธีรักษาสิว : หลีกเลี่ยงการใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของน้ำมัน และใช้เซรั่มที่มีส่วนผสมของ กรดซาลิไซลิกอ่อนๆ เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวลดการอุดตัน และวิตามินบีเพื่อลดการอักเสบและรอยดำ

สิวเป็นภาวะผิวหนังที่พบบ่อยซึ่งส่งผลกระทบต่อบุคคลทุกวัย โดยมีสิว สิวหัวดํา และซีสต์ เกิดขึ้นเมื่อรูขุมขนอุดตันด้วยน้ํามัน เซลล์ผิวที่ตายแล้ว และแบคทีเรีย การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน อาหาร ความเครียด และยาบางชนิดอาจทําให้อาการสิวรุนแรงขึ้นได้

สิวมีหลายประเภท ได้แก่ :

  • สิวสิว: รวมถึงสิวหัวดําและสิวหัวขาวซึ่งเป็นแผลที่ไม่อักเสบ

  • สิวอักเสบ: มีลักษณะเป็นสิวบวมสีแดงที่อาจเจ็บปวดประเภทนี้รวมถึงเลือดคั่งและตุ่มหนอง

  • สิวซีสติก: สิวรูปแบบรุนแรง สิวซีสติกเกี่ยวข้องกับซีสต์ขนาดใหญ่ที่เจ็บปวดและการอักเสบที่หยั่งรากลึก

การรักษาที่มีประสิทธิภาพมักเกี่ยวข้องกับวิธีการร่วมกัน:

  1. ยาเฉพาะที่: ครีมที่จําหน่ายหน้าเคาน์เตอร์ที่มีเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ กรดซาลิไซลิก หรือเรตินอยด์เป็นเรื่องปกติ การรักษาตามใบสั่งแพทย์อาจรวมถึงยาปฏิชีวนะหรือการบําบัดด้วยฮอร์โมน

  2. ยารับประทาน: ในกรณีที่รุนแรงกว่า แพทย์อาจสั่งยาปฏิชีวนะในช่องปากเพื่อลดแบคทีเรียและการอักเสบ สําหรับสิวจากฮอร์โมน อาจแนะนําให้ใช้ยาคุมกําเนิดหรือยาต้านแอนโดรเจน เช่น spironolactone

  3. การรักษาตามขั้นตอน: การรักษา เช่น การลอกผิวด้วยสารเคมี การบําบัดด้วยเลเซอร์ และขั้นตอนการสกัดสามารถบรรเทาได้เพิ่มเติม และมักจะปรับให้เหมาะกับความต้องการของแต่ละบุคคล

  4. กิจวัตรการดูแลผิว: การสร้างกิจวัตรการดูแลผิวที่อ่อนโยนโดยไม่ต้องใช้สครับที่รุนแรงหรือผลิตภัณฑ์ที่ระคายเคืองผิวเป็นสิ่งสําคัญ ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดสิวและปราศจากน้ํามัน

  5. การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต: การรักษาอาหารเพื่อสุขภาพ การจัดการความเครียด และการฝึกสุขอนามัยที่ดีล้วนมีบทบาทในการจัดการและลดการระบาดของสิว

สิ่งสําคัญคือต้องปรึกษาแพทย์ผิวหนังสําหรับแผนการรักษาส่วนบุคคลและคําแนะนําที่เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละบุคคล การแทรกแซงตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถป้องกันรอยแผลเป็นรุนแรงและปรับปรุงสุขภาพผิวโดยรวมได้

ก่อน
ก่อน

การทดสอบการแทงผิวหนัง(การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังแบบสะกิด

)
ต่อไป
ต่อไป

ร้อยไหม (ร้อยไหม)