รอยแตกลาย (รอยแตกลาย)

ประเภทของรอยแตกลาย

1.รอยแตกลายแดง (Striae Rubra) คือ รอยแตกลายใหม่ที่เกิดจากการยืดหดตัวของร่างกายที่เร็วเกินไป มีลักษณะนูนบาง มีสีแดง สีม่วง ไปจนถึงสีน้ําตาลเข้ม

วิธีการรักษา รักษาด้วยการทาครีมที่มีส่วนผสมของ Retinol, AHA, Vitamin C, สารสกัดจากธรรมชาติ เช่น ว่านหางจระเข้ ใบบัวบก และ เลเซอร์ด้วย Vascular laser 

2.รอยแตกลายขาว (Striae Alba) คือ รอยแตกลายที่เกิดขึ้นมานานแล้วจนกลายเป็นสีขาว ซึ่งรอยแตกลายแบบนี้จะรักษาให้เลือนหายไปจากผิวได้ยากกว่ารอยแตกลายแดง

วิธีการรักษา สามารถรักษาช่วยให้รอยแตกลายดูจางลงด้วยการ เลเซอร์ด้วย Fractional laser การรักษาด้วยอากาศแรงดันสูง หรือ Air Dissection


รอยแตกลาย (Stretch marks)

เป็นรอยแผลเป็นชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อผิวหนังยืดหรือหดตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้โครงสร้างของคอลลาเจนและอีลาสตินภายในผิวหนังเสียหาย รอยแตกลายมักพบได้บริเวณหน้าท้อง ต้นขา สะโพก แขน หน้าอก และน่อง

ใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเกิดรอยแตกลาย?

  • นักกีฬา: กล้ามเนื้อที่ขยายตัว

  • บุคคลที่มีน้ำหนักตัวขึ้นหรือลงอย่างรวดเร็ว: ส่งผลต่อการยืดหรือหดตัวของผิวหนัง

  • ผู้หญิงตั้งครรภ์: การขยายตัวของมดลูกเพื่อรองรับทารกในครรภ์

  • วัยรุ่น: การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว

  • ผู้ที่มีกรรมพันธุ์ผิวแตกลายง่าย



รอยแตกลาย: ความเข้าใจและทางเลือกในการรักษา

รอยแตกลายหรือที่รู้จักกันในทางการแพทย์ว่าลายเป็นสภาพผิวที่พบบ่อยที่เกิดขึ้นเมื่อผิวหนังยืดออกอย่างรวดเร็วเนื่องจากปัจจัยต่างๆ เช่น การตั้งครรภ์ น้ําหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็ว ในขั้นต้น รอยแตกลายอาจปรากฏเป็นริ้วสีแดง สีม่วง หรือสีน้ําตาลเข้ม แต่มักจะจางหายไปเป็นสีเงินอ่อนกว่าเมื่อเวลาผ่านไป

สาเหตุของรอยแตกลาย

  1. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน: ความผันผวนของฮอร์โมน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยแรกรุ่นและตั้งครรภ์ อาจทําให้เส้นใยอีลาสตินและคอลลาเจนในผิวหนังอ่อนแอลง ซึ่งนําไปสู่รอยแตกลาย

  2. พันธุศาสตร์: ประวัติครอบครัวของรอยแตกลายสามารถเพิ่มโอกาสในการเกิดรอยแตกลายได้

  3. การเปลี่ยนแปลงร่างกายอย่างรวดเร็ว: การเปลี่ยนแปลงขนาดร่างกายอย่างกะทันหัน ไม่ว่าจะจากการเพิ่มน้ําหนัก การลดน้ําหนัก หรือการสร้างกล้ามเนื้อ อาจส่งผลต่อความสามารถในการยืดตัวของผิวหนังอย่างเหมาะสม

ตัวเลือกการรักษา

แม้ว่ารอยแตกลายโดยทั่วไปจะไม่เป็นอันตรายและโดยทั่วไปไม่ต้องการการรักษา แต่หลายคนก็หาวิธีลดรูปลักษณ์ให้เหลือน้อยที่สุด ตัวเลือกรวมถึง:

  • การรักษาเฉพาะที่: ครีมและโลชั่นที่มีส่วนผสม เช่น เทรติโนอิน กรดไฮยาลูโรนิก หรือใบบัวบกสามารถปรับปรุงเนื้อสัมผัสและลักษณะของรอยแตกลายได้

  • การบําบัดด้วยเลเซอร์: การรักษานี้เกี่ยวข้องกับการใช้แสงโฟกัสเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งสามารถช่วยลดการมองเห็นรอยแตกลายได้

  • ไมโครเดิร์มเบรชั่น: เทคนิคนี้ช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอก ส่งเสริมการเจริญเติบโตของผิวใหม่ และอาจปรับปรุงลักษณะของรอยแตกลาย

  • ไมโครนีดลิ่ง: ด้วยการสร้างบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ ในผิวหนัง วิธีนี้จะกระตุ้นกระบวนการรักษาของร่างกายและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

  • การลอกผิวด้วยสารเคมี: ใช้สารเคมีเพื่อผลัดเซลล์ผิว ซึ่งสามารถช่วยลดรอยแตกลายได้

การป้องกัน

แม้ว่าการป้องกันรอยแตกลายอย่างสมบูรณ์อาจไม่สามารถทําได้ แต่การรักษาความยืดหยุ่นของผิวอาจเป็นประโยชน์ พิจารณามาตรการป้องกันต่อไปนี้:

  • ดื่มน้ําให้เพียงพอ: ความชุ่มชื้นที่เพียงพอช่วยรักษาความยืดหยุ่นของผิว

  • อาหารเพื่อสุขภาพ: การบริโภคอาหารที่สมดุลที่อุดมไปด้วยวิตามิน A, C, D และ รวมถึงสังกะสีสามารถสนับสนุนสุขภาพผิวได้

  • ให้ความชุ่มชื้น: การใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจําอาจช่วยให้ผิวอ่อนนุ่มได้

โดยสรุป แม้ว่ารอยแตกลายจะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตปกติสําหรับหลายๆ คน แต่การทําความเข้าใจสาเหตุและตัวเลือกการรักษาที่มีอยู่สามารถช่วยให้บุคคลสามารถจัดการสุขภาพผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากคุณกังวลเกี่ยวกับรอยแตกลายหรือสํารวจทางเลือกในการรักษา แนะนําให้ปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคําแนะนําและการดูแลเฉพาะบุคคล

ก่อน
ก่อน

ร้อยไหม (ร้อยไหม)

ต่อไป
ต่อไป

สิวสเตียรอยด์ (สิวสเตียรอยด์)